พงษ์ศักดิ์เล็ก ไก่ย่าง5ดาวยิม มีชื่อจริงว่า พงศกร วันจงคำ เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2520 ที่อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา
พงษ์ศักดิ์เล็ก ไก่ย่าง5ดาวยิม มีชื่อเล่นว่า กร และได้ชื่อเรียกจากแฟนมวยและสื่อมวลชนว่า เจ้ากร ถือได้ว่าเป็นนักมวยที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคที่มีนักมวยครองแชมป์ในสถาบันเล็ก ๆ เป็นส่วนใหญ่
ทำให้กีฬามวยสากลอาชีพไม่ได้รับความนิยมอย่างในอดีต แต่พงษ์ศักดิ์เล็กเป็นแชมป์ในสถาบันใหญ่ที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งยังทำสถิติการป้องกันตำแหน่งไว้ได้หลายครั้งด้วยกัน
พงษ์ศักดิ์เล็ก ไก่ย่าง5ดาวยิม มีชื่อเล่นว่า กร และได้ชื่อเรียกจากแฟนมวยและสื่อมวลชนว่า เจ้ากร ถือได้ว่าเป็นนักมวยที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคที่มีนักมวยครองแชมป์ในสถาบันเล็ก ๆ เป็นส่วนใหญ่
ทำให้กีฬามวยสากลอาชีพไม่ได้รับความนิยมอย่างในอดีต แต่พงษ์ศักดิ์เล็กเป็นแชมป์ในสถาบันใหญ่ที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งยังทำสถิติการป้องกันตำแหน่งไว้ได้หลายครั้งด้วยกัน
พงษ์ศักดิ์เล็กมีเอกลักษณ์ที่เป็นของตัวเองคือ เมื่อขึ้นเวทีจะสวมหมวกไหมพรมสีแดงที่ได้รับการปลุกเสก จาก หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ทุกครั้ง เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ
พงษ์ศักดิ์เล็กชกมวยสากลอาชีพแพ้เพียง 2 ครั้งเท่านั้น แพ้ต่อ เจอรี่ ปาฮายาไฮ นักมวยถนัดซ้ายชาวฟิลิปปินส์ คนเดียวเท่านั้น แต่หลังจากนั้นมาพงษ์ศักดิ์เล็กไม่เคยแพ้ใครอีกเลย และพัฒนาฝีมือการชกขึ้นเรื่อย ๆ จึงได้ครองแชมป์โลกในรุ่นไลท์ฟลายเวท ของสหภาพมวยโลก หรือ WBU สถาบันระดับเล็ก
จากนั้นในปี พ.ศ. 2543 เมื่อ เม็ดเงิน กระทิงแดงยิม เสียแชมป์โลกในรุ่นฟลายเวท ของสภามวยโลก หรือ WBC แก่ มัลคอร์ม ทูนาเกา นักมวยชาวฟิลิปปินส์ ไปแล้วอย่างไม่มีใครคาดคิด จึงเป็นโอกาสของพงษ์ศักดิ์เล็กที่จะได้ขึ้นชิงแชมป์โลกคืน เนื่องจากเป็นนักมวยในสังกัดของ "เสี่ยเน้า" วิรัตน์ วชิรรัตนวงศ์ เหมือนกัน
ซึ่งพงษ์ศักดิ์เล็กก็สามารถเอาชนะน็อกไปได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ยกแรกเท่านั้น ที่จังหวัดพิจิตร จากนั้นพงษ์ศักดิ์เล็กได้ป้องกันตำแหน่งอย่างต่อเนื่องและสามารถเอาชนะได้อย่างสวยงามหลายต่อหลายครั้งด้วยกัน เช่น ชนะน็อก อเล็ก บาบ้า ผู้ท้าชิงอันดับหนึ่งชาวกานา ยก 8 ที่หาดใหญ่ ชนะ ไนโตะ ไดสุเกะ นักมวยชาวญี่ปุ่นถึง 2 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2545 และ ปี พ.ศ. 2548 อย่างง่ายดาย รวมทั้งการเดินทางไปป้องกันตำแหน่งที่ประเทศญีปุ่นหลายต่อหลายครั้งด้วยกัน
จนเมื่อถึงการป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 15 ในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ที่สยามพารากอน กับ อีเวอราโด โมราเลส นักมวยชาวเม็กซิกัน เป็นการจัดการแข่งขันครั้งใหญ่ เนื่องจากเป็นการทำสถิติการป้องกันตำแหน่งแชมป์ในรุ่นฟลายเวท เทียบเท่ากับ มิเกล คันโต อดีตแชมป์โลกชาวเม็กซิกันในอดีตที่ได้ทำสถิติได้ ซึ่งครั้งนี้ พงษ์ศักดิ์เล็กก็สามารถเอาชนะแตกไปได้ในยกที่ 4
เ มื่อสถิติโลกเดิมถูกทำลายลงแล้ว จากนั้น ทางทีมงานจึงวางเป้าให้พงษ์ศักดิ์เล็กป้องกันตำแหน่งให้ได้ 20 ครั้ง ซึ่งเท่ากับว่าจะทำลายสถิติการป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกมากครั้งที่สุดของนักมวยชาวไทยและเป็นสถิติของทวีปเอเชียด้วยของ เขาทราย แกแล็คซี่ คือ 19 ครั้ง จากนั้นจึงจะให้พงษ์ศักดิ์เล็กป้องกันตำแหน่งให้ได้มากกว่า 25 ครั้ง ทำลายสถิติโลกของ โจ หลุยส์ อดีตแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวท ชาวอเมริกัน
แต่ทว่าการป้องกันตำแหน่งในครั้งที่ 18 ที่ประเทศญี่ปุ่น กับ ไนโตะ ไดสุเกะ คู่ปรับเก่าที่เคยเอาชนะมาแล้วถึง 2 ครั้ง พงษ์ศักดิ์เล็กต้องประสบกับปัญหาการลดน้ำหนักตัวซึ่งต้องทำการลดหลายครั้งก่อนการชั่งน้ำหนักอย่างเป็นทางการ และในวันชก ไนโตะ ไดสุเกะ แก้ทางมวยของพงษ์ศักดิ์เล็กมาเป็นอย่างดี ใช้จังหวะเข้าทำก่อนและโผเข้ากอด ทำให้พงษ์ศักดิ์เล็กไม่อาจทำอะไรได้ถนัดถนี่ เมื่อครบ 12 ยก จึงแพ้คะแนนไปอย่างเอกฉันท์ ด้วยคะแนน 115 - 113, 116 - 113, 116 - 113 ถือว่าเป็นการพ่ายแพ้อย่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อน เพราะก่อนการชกหลายฝ่ายคาดว่า พงษ์ศักดิ์เล็กน่าจะเอาชนะไปได้เหมือน 2 ครั้งก่อนอย่างง่ายดาย
และทำให้เป้าหมายที่จะทำสถิติป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกให้ได้ถึง 20 ครั้ง ต้องดับสลายลงด้วยการป้องกันได้เพียง 17 ครั้ง แต่กระนั้นก็ทำให้พงษ์ศักดิ์เล็กมีสถิติการป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกมากเป็นอันดับที่ 2 ของทวีปเอเชีย เทียบเท่ากับ ยูห์ เมียงวู อดีตแชมป์โลกรุ่นจูเนียร์ฟลายเวท ของสมาคมมวยโลก หรือ WBA ชาวเกาหลีใต้
ต่อมาในวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2551 พงษ์ศักดิ์เล็กมีโอกาสได้แก้มือกับไดสุเกะอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 4 ซึ่งเที่ยวนี้พงษ์ศักดิ์เล็กมีความมุ่งมั่นและเตรียมตัวมาดีกว่าครั้งที่แล้ว แต่ผลการชกก็ยังออกมาเสมอกันอีก ด้วยคะแนน 115 - 114, 115 - 113, และ 114 - 114 ที่โตเกียว
หลังจากนั้นพงษ์ศักดิ์เล็กก็ได้อุ่นเครื่องอีก 4 ครั้ง ชนะรวด และได้มีโอกาสชิงแชมป์อีกครั้ง แต่เป็นแชมป์เฉพาะกาล โดยชนะคะแนนอย่างขาดลอย กับ ฮูลิโอ ซีซาร์ มิรันด้า นักมวยชาวเม็กซิกัน เมื่อวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2552 ที่หน้าศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา
จนในวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2553 พงษ์ศักดิ์เล็กก็ได้มีโอกาสชิงแชมป์โลกของจริง กับ โกกิ คาเมดะ นักมวยหนุ่มที่ห้าวหาญผู้ไม่เคยแพ้ใคร ผู้เป็นพี่ใหญ่แห่งตระกูลคาเมดะ ผลการชกปรากฏว่าทั้งคู่เกิดหัวชนกัน ทำให้คาเมดะเกิดแผลแตก เลือดไหลเข้าตาตั้งแต่ยก 4 และในยกที่ 5 พงษ์ศักดิ์เล็กก็ถูกตัดคะแนนในข้อหาหัวชน แต่ในการชกพงษ์ศักดิ์เล็กเป็นฝ่ายทำคะแนนได้จะแจ้งกว่า จึงเป็นฝ่ายชนะคะแนนไปแบบไม่เอกฉันท์ 114-114, 116-112, 115-112 ได้กลับมาเป็นแชมป์โลกอีกครั้ง นับเป็นสมัยที่ 2
เ มื่อสถิติโลกเดิมถูกทำลายลงแล้ว จากนั้น ทางทีมงานจึงวางเป้าให้พงษ์ศักดิ์เล็กป้องกันตำแหน่งให้ได้ 20 ครั้ง ซึ่งเท่ากับว่าจะทำลายสถิติการป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกมากครั้งที่สุดของนักมวยชาวไทยและเป็นสถิติของทวีปเอเชียด้วยของ เขาทราย แกแล็คซี่ คือ 19 ครั้ง จากนั้นจึงจะให้พงษ์ศักดิ์เล็กป้องกันตำแหน่งให้ได้มากกว่า 25 ครั้ง ทำลายสถิติโลกของ โจ หลุยส์ อดีตแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวท ชาวอเมริกัน
แต่ทว่าการป้องกันตำแหน่งในครั้งที่ 18 ที่ประเทศญี่ปุ่น กับ ไนโตะ ไดสุเกะ คู่ปรับเก่าที่เคยเอาชนะมาแล้วถึง 2 ครั้ง พงษ์ศักดิ์เล็กต้องประสบกับปัญหาการลดน้ำหนักตัวซึ่งต้องทำการลดหลายครั้งก่อนการชั่งน้ำหนักอย่างเป็นทางการ และในวันชก ไนโตะ ไดสุเกะ แก้ทางมวยของพงษ์ศักดิ์เล็กมาเป็นอย่างดี ใช้จังหวะเข้าทำก่อนและโผเข้ากอด ทำให้พงษ์ศักดิ์เล็กไม่อาจทำอะไรได้ถนัดถนี่ เมื่อครบ 12 ยก จึงแพ้คะแนนไปอย่างเอกฉันท์ ด้วยคะแนน 115 - 113, 116 - 113, 116 - 113 ถือว่าเป็นการพ่ายแพ้อย่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อน เพราะก่อนการชกหลายฝ่ายคาดว่า พงษ์ศักดิ์เล็กน่าจะเอาชนะไปได้เหมือน 2 ครั้งก่อนอย่างง่ายดาย
และทำให้เป้าหมายที่จะทำสถิติป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกให้ได้ถึง 20 ครั้ง ต้องดับสลายลงด้วยการป้องกันได้เพียง 17 ครั้ง แต่กระนั้นก็ทำให้พงษ์ศักดิ์เล็กมีสถิติการป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกมากเป็นอันดับที่ 2 ของทวีปเอเชีย เทียบเท่ากับ ยูห์ เมียงวู อดีตแชมป์โลกรุ่นจูเนียร์ฟลายเวท ของสมาคมมวยโลก หรือ WBA ชาวเกาหลีใต้
ต่อมาในวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2551 พงษ์ศักดิ์เล็กมีโอกาสได้แก้มือกับไดสุเกะอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 4 ซึ่งเที่ยวนี้พงษ์ศักดิ์เล็กมีความมุ่งมั่นและเตรียมตัวมาดีกว่าครั้งที่แล้ว แต่ผลการชกก็ยังออกมาเสมอกันอีก ด้วยคะแนน 115 - 114, 115 - 113, และ 114 - 114 ที่โตเกียว
หลังจากนั้นพงษ์ศักดิ์เล็กก็ได้อุ่นเครื่องอีก 4 ครั้ง ชนะรวด และได้มีโอกาสชิงแชมป์อีกครั้ง แต่เป็นแชมป์เฉพาะกาล โดยชนะคะแนนอย่างขาดลอย กับ ฮูลิโอ ซีซาร์ มิรันด้า นักมวยชาวเม็กซิกัน เมื่อวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2552 ที่หน้าศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา
จนในวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2553 พงษ์ศักดิ์เล็กก็ได้มีโอกาสชิงแชมป์โลกของจริง กับ โกกิ คาเมดะ นักมวยหนุ่มที่ห้าวหาญผู้ไม่เคยแพ้ใคร ผู้เป็นพี่ใหญ่แห่งตระกูลคาเมดะ ผลการชกปรากฏว่าทั้งคู่เกิดหัวชนกัน ทำให้คาเมดะเกิดแผลแตก เลือดไหลเข้าตาตั้งแต่ยก 4 และในยกที่ 5 พงษ์ศักดิ์เล็กก็ถูกตัดคะแนนในข้อหาหัวชน แต่ในการชกพงษ์ศักดิ์เล็กเป็นฝ่ายทำคะแนนได้จะแจ้งกว่า จึงเป็นฝ่ายชนะคะแนนไปแบบไม่เอกฉันท์ 114-114, 116-112, 115-112 ได้กลับมาเป็นแชมป์โลกอีกครั้ง นับเป็นสมัยที่ 2