วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

FIGHT CLUB สามารถ พยัคฆ์อรุณ( samad payakaroon)

สามารถ พยัคฆ์อรุณ อดีตแชมป์โลกคนที่ 10 ของไทย อดีตยอดนักมวยไทยชื่อดัง มีชื่อจริงว่า สามารถ ทิพย์ท่าไม้ เกิดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2505 ที่ตำบลคลองเขต (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของตำบลท่าข้าม) อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา สามารถหัดชกมวยครั้งแรกโดยเริ่มจากมวยไทยตั้งแต่อายุ 11 ขวบ โดยใช้ชื่อว่า "สามารถ ลูกคลองเขต"

สามารถชกมวยไทยในแถบจังหวัดภาคตะวันออกถึงร้อยกว่าครั้ง จึงได้เดินทางมาชกในกรุงเทพ ฯ ในปี พ.ศ. 2522 ที่เวทีลุมพินี โดยอยู่ในการดูแลของโปรโมเตอร์ชื่อดัง ทรงชัย รัตนสุบรรณ

สามารถถือได้ว่าเป็นนักมวยที่มีชั้นเชิงแพรวพราว สายตาดี ชกได้สนุก ชนะใจคนดู และประสบความสำเร็จอย่างมากในการชกมวยไทย โดยได้แชมป์ของเวทีมวยลุมพินีถึง 4 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ รุ่นพินเวท (105 ปอนด์) ในปี พ.ศ. 2523 รุ่นจูเนียร์ฟลายเวท (108 ปอนด์) ในปี พ.ศ. 2523 รุ่นจูเนียร์แบนตั้มเวท (115 ปอนด์) ในปี พ.ศ. 2524 รุ่นเฟเธอร์เวท (126 ปอนด์) ในปี พ.ศ. 2524


สามารถ พยัคฆ์อรุณ เริ่มหันมาชกมวยสากลอาชีพโดยได้รับการสนับสนุนจากบุคคลหลายฝ่าย เช่น ทรงชัย รัตนสุบรรณ ผู้จัดการและโปรโมเตอร์ สหสมภพ ศรีสมวงศ์ และสุชาติ เกิดเมฆ สามารถชกมวยสากลสร้างประสบการณ์อยู่ 11 ครั้ง จึงได้ชิงแชมป์โลกครั้งแรกในรุ่นซูเปอร์แบนตั้มเวท (122 ปอนด์) ของสภามวยโลก หรือ WBC กับมักมวยชาวเม็กซิกัน กัวดาลูเป้ พินเธอร์ ผลการชก สามารถเอาชนะน็อกแชมป์โลกไปได้ในยกที่ 5 กลายเป็นแชมป์โลกคนที่ 10 ของไทยไปทันที

ภายหลังจากได้แชมป์โลกไปแล้ว สามารถชกป้องกันตำแหน่งอีกครั้งคือ การชกป้องกันตำแหน่งกับ ฮวน คิด เมซ่า นักมวยชาวเม็กซิกัน ซึ่งเป็นอดีตแชมป์โลกในรุ่นนี้ ผลปรากฏว่า สามารถก็เอาชนะน็อกไปในยกที่ 12 การชกกับฮวน คิด เมซ่า ได้รับการกล่าวขานถึงเป็นอย่างมาก เพราะสามารถพิงเชือกโยกหลบหมัดของผู้ท้าชิงด้วยสายตาอันว่องไวนับสิบ ๆ หมัด (ประมาณกันว่า 27 หมัด) และชกสวนหมัดตรงเข้าปลายคางไปเพียงหมัดเดียว ก็เอาชนะน็อกผู้ท้าชิงไปได้อย่างน่าประทับใจ โดยการชกครั้งนี้เป็นการชกร่วมรายการเดียวกับ สด จิตรลดา ป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกรุ่นฟลายเวท WBC กับกาเบรียล เบอร์นัล ด้วย

จากนั้น สามารถเดินทางไปป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 2 เป็นการป้องกันตำแหน่งนอกบ้านถึงประเทศออสเตรเลีย กับนักมวยเจ้าถิ่น เจฟฟ์ เฟเนค (ซึ่งต่อมาเป็นนักมวยชื่อดังระดับโลก เป็นแชมป์โลก 3 รุ่น) การชกในครั้งนี้สามารถประสบกับปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวซึ่งต้องลดเป็นอย่างมาก จึงถูก เฟเนค น็อกในยกที่ 4 อย่างหมดรูป แต่กระนั้นก็ยังมีผู้ตั้งข้อสงสัยว่า สามารถล้มมวยหรือเปล่า เพราะไม่เชื่อว่าฟอร์มการชกก่อนหน้านั้น 2 ครั้ง จะทำให้สามารถแพ้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ซึ่งสามารถได้พิสูจน์ความจริงใจของตนเองด้วยการทำพิธีสาบานที่วัดพระแก้วจนเป็นข่าวครึกโครมในช่วงนั้น

หลังจากเสียแชมป์โลกไปแล้ว สามารถ ยังคงชกมวยต่อ และกลับมาชกมวยไทยอีกครั้ง ซึ่งก็ประสบความสำเร็จด้วยการชนะนักมวยชั้นนำในสมัยนั้นหลายรายเช่น เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง เป็นต้น จนในปี พ.ศ. 2531 สามารถ พยัคฆ์อรุณ ได้รับรางวัลนักมวยไทยยอดเยี่ยม จากสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬา



ด้วยความเป็นคนหนุ่มหน้าตาดี มีบุคลิกที่โดดเด่น ประกอบกับมีนิสัยเจ้าสำราญ ทำให้มีบุคคลชักชวนเข้าสู่วงการบันเทิง ซึ่งก็ประสบความสำเร็จไม่แพ้ในวงการมวยเลยทีเดียว สามารถมีผลงานในวงการบันเทิงครั้งแรกโดยการออกเทปกับบริษัทแกรมมี่ ในชื่อชุด "ร็อกเหน่อ ๆ" มีเพลงดังที่รู้จักกันดีในยุคนั้นคือเพลง "อ่อนซ้อม" โดยเป็นการล้อเลียนการซ้อมมวยของสามารถเอง ซึ่งมักถูกกล่าวว่าเป็นมวยซ้อมน้อย และได้ออกอัลบั้มชุดต่อ ๆ มาอีกหลายชุด ไม่เพียงเท่านั้น สามารถยังได้ถ่ายแบบ แสดงหนัง ละคร หลายต่อหลายเรื่อง สามารถกลายเป็นดาราชื่อดังชั้นแนวหน้าในระยะเวลาไม่นาน และประสบความสำเร็จในวงการบันเทิงโดยได้รับรางวัลตุ๊กตาทองจากภาพยนตร์เรื่อง "ขยี้" ร่วมกับลิขิต เอกมงคล ในปี พ.ศ. 2534 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวจวบจนถึงปัจจุบันนี้ ที่มีนักแสดงนำชายที่ได้รับรางวัลนี้พร้อมกันถึง 2 คน

ซึ่งในระหว่างที่ยังมีชื่อเสียงอยู่นั้น สามารถมีข่าวคราวว่าคบหาอยู่กับ กันตา ดานาว นักแสดงสาวที่แสดงเรื่องขยี้อยู่ด้วยกัน





สามารถ พยัคฆ์อรุณ คลุกคลีอยู่ในวงการบันเทิงนานหลายปี จนหลายคนเชื่อว่า เขาคงเลิกราจากวงการมวยแล้ว แต่ในปี พ.ศ. 2536 สามารถ ก็กลับมาสู่เส้นทางพื้นผ้าใบอีกครั้ง ด้วยมีเป้าตั้งไว้ที่จะกลับมาเป็นแชมป์โลกอีกครั้ง โดยมี ทรงชัย รัตนสุบรรณ เป็นผู้สนับสนุนอีกเช่นเคย สามาถชกอุ่นเครื่องเคาะสนิมอยู่ 5 ครั้ง จึงได้ชิงแชมป์โลกในรุ่นเฟเธอร์เวท WBA กับ อีลอย โรฮาส นักมวยชาวเวเนซูเอล่า ในปี พ.ศ. 2537 ผลการชกคือ สามารถแพ้น็อกไปอย่างสิ้นสภาพในยกที่ 8 ปิดฉากชีวิตในแบบนักมวยทันที

ในปัจจุบัน สามารถ ยังคงอยู่ในวงการบันเทิง มีผลงานออกมาเป็นระยะ ๆ และในวงการมวยมีค่ายมวยเป็นของตัวเอง



อนึ่ง สามารถ พยัคฆ์อรุณ มีพี่ชายแท้ ๆ ซึ่งเป็นอดีตนักมวยไทยชื่อดังด้วยคือ ก้องธรณี พยัคฆ์อรุณ ก้องธรณีเคยชกมวยสากลเหมือนสามารถ ได้มีโอกาสชิงแชมป์โลกถึง 2 ครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ โดยครั้งที่ 2 ได้ชิงแชมป์กับแชมป์โลกชาวไทยด้วยกันเองคือ เขาทราย แกแล็คซี่


















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น